พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
เข้าสู่ระบบ
หน้าแรก
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ค้นหาข้อมูล
เข้าสู่ระบบ
พระพิจิตรเม็ดข้...
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า พิมพ์ฐานขีด เนื้อชืนเขียว จ.พิจิตร No. 0375
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นวัดหลวงของเมืองพิจิตร สร้างในสมัยสุโขทัยตอนปลาย อยู่ในบริเวณพระราชวังโบราณหรือที่เรียกกันว่าบริเวณเมืองเก่าในปัจจุบันเป็นต้นกำเนิดพระพิจิตรที่มีชื่อเสียงอีกพิมพ์หนึ่งก็คือพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เรียกว่าพระพิมพ์นี้เป็นพระที่มีความนิยมสูงสุดตลอดกาล พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เป็นพระที่สร้างด้วยเนื้อชินเงินบางองค์ก็แก่เนื้อตะกั่ว มีความเชื่อว่าพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่ามีส่วนผสมของ “เหล็กน้ำพี้”ซึ่งเป็นเหล็กเนื้อดีที่สุดของจังหวัดพิจิตร และมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว พุทธลักษณะของพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เป็นปางสมาธิ ประทับนั่งอยู่บนฐานซึ่งมีลักษณะแบบฐานหมอนปีกองค์พระทรงกลมรีรูปไข่ มีพิมพ์แขนกลมที่ถือว่าเป็นพิมพ์นิยม พิมพ์แขนหัก พิมพ์ฐานขีด พิมพ์ไม่มีฐานฯ เอกลักษณ์ของพระพิมพ์เม็ดข้าวเม่าจะมีขนาดเล็กมาก คือมีความกว้างขององค์พระประมาณ ๐.๖ ซ.ม. เท่านั้นเอง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ นอกจากจะขุดพบเจอพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าแล้วยังมีพระที่พบอีกหลายพิมพ์ที่มีชื่อเสียงได้แก่ พิมพ์พิจิตรหน้าวัง พิมพ์นาคปรก พิมพ์พิจิตรผงดำฯ พระทุกพิมพ์ของกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ถือว่าเป็นพระที่ยอดเยี่ยมทางแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีเป็นเลิศทุกพิมพ์
พระเครื่องเมืองพิจิตร โดยส่วนใหญ่เราก็มักจะนึกถึงพระซึ่งมีขนาดเล็กๆ เช่น พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า พระนาคปรกใบมะขาม พระพิจิตรเม็ดน้อยหน่า พระพิจิตรเขี้ยวงู เป็นต้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วพระเครื่องเมืองพิจิตรก็มีพระเครื่องที่มีขนาดใหญ่อยู่หลายอย่างด้วยกัน เช่น พระพิจิตรวัดนาคกลาง พระนาคปรกพิจิตรกรุมะละกอ พระพิจิตรหัวดง และพระพิจิตรใบตำแย เป็นต้น พระเครื่องเมืองพิจิตรทุกพิมพ์ล้วนแล้วแต่เป็นพระที่หาพระแท้ๆ ยากแทบทั้งสิ้น เนื่องจากมีการทำปลอมเลียนแบบมาช้านาน จากความนิยมกันมาตั้งแต่ในอดีต
กรุที่พบพระเมืองพิจิตรนี้ ก็พบด้วยกันหลายกรุ เช่น
กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
กรุวัดนาคกลาง
กรุท่าฉนวน
กรุวัดเขมาภิรตาราม
กรุมะละกอ กรุวัดช้าง
กรุวัดท่าสะท้อน
กรุวัดโพธิ์ประทับช้าง ฯลฯ
พระเครื่องเมืองพิจิตรมีอายุการสร้างตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา
จังหวัดพิจิตร ได้ชื่อเป็นเมืองของนักรบในสมัยโบราณ ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยตลอดมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา เมืองพิจิตรจัดเป็นเมืองหน้าด่านมาโดยตลอด ดังนั้นพระเครื่องเมืองพิจิตร โดยส่วนใหญ่จึงมักจะมีพุทธคุณเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี พระเครื่องเมืองพิจิตรมีเอกลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักกันมากก็คือพระเครื่องขนาดเล็กจิ๋ว ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าพระเครื่องของเมืองอื่นๆ แต่ถึงจะมีขนาดเล็กก็เล็กพริกขี้หนู เข้มขลังในด้านพุทธคุณ ในสมัยก่อนนั้น จัดเป็นพระเครื่องยอดนิยมของสังคมผู้นิยมพระเครื่องเลยทีเดียวครับ
เรื่องราวจริงในอดีต...ของ บุญเพ็ง หีบเหล็ก นักโทษประหารคนสุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์ ยังอมพระเมืองพิจิตรไว้ในปาก ทำให้มีดดาบเพชฌฆาตไม่ระคายผิว บุญเพ็ง หีบเหล็ก เป็นฆาตกรโรคจิตเมื่อลงมือฆ่าใครแล้วจะหั่นศพเป็นชิ้นๆแล้วใส่ "หีบเหล็ก" โยนทิ้งน้ำจึงมีฉายาว่า บุญเพ็ง หีบเหล็ก...ในช่วงประหารชีวิตนายบุญเพ็งนั้น เพชฌฆาตรำดาบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ลงดาบอันคบกริบลงบนคอ แทนที่คอจะขาดเลือดพุ่งกระฉูดกลับกลายเป็นว่า คมดาบนั้นไม่ได้ระคายเคืองผิวเลยแม้แต่น้อย จนเพชฌฆาตพูดว่า "เอ็งมีอะไรดี ให้เอาออกมาเสียเถอะมิเช่นนั้นจะเอาไม้รวกสวนทวาร(ก้น) แล้วจะเจ็บปวดทรมานจนตาย" หลังจากนั้นเพชฌฆาตก็เอาพระพิจิตร ที่นายบุญเพ็ง อมไว้ในปากขว้างทิ้งไปในกอไผ่ คราวนี้เพชฌฆาตรำดาบใหม่ จนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอ ทันใดนั้นคมดาบก็ฟันดังฉับ สิ้นเสียงคมดาบ คราวนี้คอของนักโทษบุญเพ็งขาดหัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มาดูต่างร้องวี๊ดว้ายระงม ศพของบุญเพ็ง หีบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้านั้นเอง จนภายหลังญาติมาจัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่า รอยสักช่วงแผ่นหลัง ของเขา เผาไฟไม่ไหม้ ญาติเก็บกระดูกใส่เจดีย์ไว้ข้างอุโบสถวัด จนช่วงหลังเจดีย์ถูกรื้อออก ทางวัดภาษี จึงได้ให้ช่างปั้นรูปปั้นจำลอง ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อ พ.ศ.2537 ตั้งไว้ในศาลเล็ก ๆ ติดกับวิหาร ซึ่งเป็นอนุสรณ์ว่า เขาเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2474 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ศาลบุญเพ็ง หีบเหล็ก แต่กลับกลายเป็นศาลที่มีคนไปกราบไหว้บูชา เสี่ยงโชคเสี่ยงลาภ ได้เงินบุญมาทำนุบำรุงวัดอยู่มิใช่น้อย_ใครอยากจะไปย้อนรอยประวัติศาสตร์ และอยากจะไปทำบุญ ก็เชิญ วัดภาษี ตั้งอยู่ที่ ซอยเอกมัย23 แขวงคลองตันเหนือ กรุงเทพฯ
(หากต้องการดูพระทั้งหมดในร้าน กดหน้าแรก ด้านบนเลยนะครับ)
ผู้เข้าชม
3195 ครั้ง
ราคา
โทรถาม
สถานะ
บูชาแล้ว
โดย
รุ่งหลักร้อย
ชื่อร้าน
สมเด็จพุทธคุณ
ร้านค้า
rung-lakroi.99wat.com
โทรศัพท์
0993579545 0645179964
ไอดีไลน์
-
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
509-2-670xx-x
พระสมเด็จพิมพ์ 6 ชั้น อกร่อง ก
เหรียญหลวงพ่อเขียว วัดหรงบน บล
พระสมเด็จปรกโพธิ์ย้อย ฐานร่อง
พระรูปหล่อพระครูวิสิยโสภณทิม
เก้าสิบเก้าวัด
ร้านพระเครื่อง
กระดานสนทนา
ลงพระฟรี
สมัครสมาชิก
ติดต่อทีมงาน
ลืมรหัสผ่าน
ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
AmuletMan
เปียโน
Erawan
termboon
KoonThong_Amulets
แมวดำ99
eobeob
neangkokram
ponsrithong2
Tinnapon
ศักดา พระเครื่อง
เจริญสุข
น้ำตาลแดง
chaithawat
Zomlazzali
fuchoo18
TotoTato
อภินันต์ พระเครื่อง
Pannee26
sblom
BAINGERN
chaokoh
ep8600
Joker Tanakron
พระเครื่องโคกมน
เทพจิระ
jocho
กรัญระยอง
โกหมู
บ้านพระหลักร้อย
ผู้เข้าชมขณะนี้ 1133 คน
เพิ่มข้อมูล
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า พิมพ์ฐานขีด เนื้อชืนเขียว จ.พิจิตร No. 0375
ส่งข้อความ
ชื่อพระเครื่อง
พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า พิมพ์ฐานขีด เนื้อชืนเขียว จ.พิจิตร No. 0375
รายละเอียด
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เป็นวัดหลวงของเมืองพิจิตร สร้างในสมัยสุโขทัยตอนปลาย อยู่ในบริเวณพระราชวังโบราณหรือที่เรียกกันว่าบริเวณเมืองเก่าในปัจจุบันเป็นต้นกำเนิดพระพิจิตรที่มีชื่อเสียงอีกพิมพ์หนึ่งก็คือพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เรียกว่าพระพิมพ์นี้เป็นพระที่มีความนิยมสูงสุดตลอดกาล พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เป็นพระที่สร้างด้วยเนื้อชินเงินบางองค์ก็แก่เนื้อตะกั่ว มีความเชื่อว่าพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่ามีส่วนผสมของ “เหล็กน้ำพี้”ซึ่งเป็นเหล็กเนื้อดีที่สุดของจังหวัดพิจิตร และมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว พุทธลักษณะของพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า เป็นปางสมาธิ ประทับนั่งอยู่บนฐานซึ่งมีลักษณะแบบฐานหมอนปีกองค์พระทรงกลมรีรูปไข่ มีพิมพ์แขนกลมที่ถือว่าเป็นพิมพ์นิยม พิมพ์แขนหัก พิมพ์ฐานขีด พิมพ์ไม่มีฐานฯ เอกลักษณ์ของพระพิมพ์เม็ดข้าวเม่าจะมีขนาดเล็กมาก คือมีความกว้างขององค์พระประมาณ ๐.๖ ซ.ม. เท่านั้นเอง วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ นอกจากจะขุดพบเจอพระพิจิตรเม็ดข้าวเม่าแล้วยังมีพระที่พบอีกหลายพิมพ์ที่มีชื่อเสียงได้แก่ พิมพ์พิจิตรหน้าวัง พิมพ์นาคปรก พิมพ์พิจิตรผงดำฯ พระทุกพิมพ์ของกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ถือว่าเป็นพระที่ยอดเยี่ยมทางแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีเป็นเลิศทุกพิมพ์
พระเครื่องเมืองพิจิตร โดยส่วนใหญ่เราก็มักจะนึกถึงพระซึ่งมีขนาดเล็กๆ เช่น พระพิจิตรเม็ดข้าวเม่า พระนาคปรกใบมะขาม พระพิจิตรเม็ดน้อยหน่า พระพิจิตรเขี้ยวงู เป็นต้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วพระเครื่องเมืองพิจิตรก็มีพระเครื่องที่มีขนาดใหญ่อยู่หลายอย่างด้วยกัน เช่น พระพิจิตรวัดนาคกลาง พระนาคปรกพิจิตรกรุมะละกอ พระพิจิตรหัวดง และพระพิจิตรใบตำแย เป็นต้น พระเครื่องเมืองพิจิตรทุกพิมพ์ล้วนแล้วแต่เป็นพระที่หาพระแท้ๆ ยากแทบทั้งสิ้น เนื่องจากมีการทำปลอมเลียนแบบมาช้านาน จากความนิยมกันมาตั้งแต่ในอดีต
กรุที่พบพระเมืองพิจิตรนี้ ก็พบด้วยกันหลายกรุ เช่น
กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
กรุวัดนาคกลาง
กรุท่าฉนวน
กรุวัดเขมาภิรตาราม
กรุมะละกอ กรุวัดช้าง
กรุวัดท่าสะท้อน
กรุวัดโพธิ์ประทับช้าง ฯลฯ
พระเครื่องเมืองพิจิตรมีอายุการสร้างตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา
จังหวัดพิจิตร ได้ชื่อเป็นเมืองของนักรบในสมัยโบราณ ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยตลอดมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา เมืองพิจิตรจัดเป็นเมืองหน้าด่านมาโดยตลอด ดังนั้นพระเครื่องเมืองพิจิตร โดยส่วนใหญ่จึงมักจะมีพุทธคุณเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี พระเครื่องเมืองพิจิตรมีเอกลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักกันมากก็คือพระเครื่องขนาดเล็กจิ๋ว ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าพระเครื่องของเมืองอื่นๆ แต่ถึงจะมีขนาดเล็กก็เล็กพริกขี้หนู เข้มขลังในด้านพุทธคุณ ในสมัยก่อนนั้น จัดเป็นพระเครื่องยอดนิยมของสังคมผู้นิยมพระเครื่องเลยทีเดียวครับ
เรื่องราวจริงในอดีต...ของ บุญเพ็ง หีบเหล็ก นักโทษประหารคนสุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์ ยังอมพระเมืองพิจิตรไว้ในปาก ทำให้มีดดาบเพชฌฆาตไม่ระคายผิว บุญเพ็ง หีบเหล็ก เป็นฆาตกรโรคจิตเมื่อลงมือฆ่าใครแล้วจะหั่นศพเป็นชิ้นๆแล้วใส่ "หีบเหล็ก" โยนทิ้งน้ำจึงมีฉายาว่า บุญเพ็ง หีบเหล็ก...ในช่วงประหารชีวิตนายบุญเพ็งนั้น เพชฌฆาตรำดาบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ลงดาบอันคบกริบลงบนคอ แทนที่คอจะขาดเลือดพุ่งกระฉูดกลับกลายเป็นว่า คมดาบนั้นไม่ได้ระคายเคืองผิวเลยแม้แต่น้อย จนเพชฌฆาตพูดว่า "เอ็งมีอะไรดี ให้เอาออกมาเสียเถอะมิเช่นนั้นจะเอาไม้รวกสวนทวาร(ก้น) แล้วจะเจ็บปวดทรมานจนตาย" หลังจากนั้นเพชฌฆาตก็เอาพระพิจิตร ที่นายบุญเพ็ง อมไว้ในปากขว้างทิ้งไปในกอไผ่ คราวนี้เพชฌฆาตรำดาบใหม่ จนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอ ทันใดนั้นคมดาบก็ฟันดังฉับ สิ้นเสียงคมดาบ คราวนี้คอของนักโทษบุญเพ็งขาดหัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มาดูต่างร้องวี๊ดว้ายระงม ศพของบุญเพ็ง หีบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้านั้นเอง จนภายหลังญาติมาจัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่า รอยสักช่วงแผ่นหลัง ของเขา เผาไฟไม่ไหม้ ญาติเก็บกระดูกใส่เจดีย์ไว้ข้างอุโบสถวัด จนช่วงหลังเจดีย์ถูกรื้อออก ทางวัดภาษี จึงได้ให้ช่างปั้นรูปปั้นจำลอง ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อ พ.ศ.2537 ตั้งไว้ในศาลเล็ก ๆ ติดกับวิหาร ซึ่งเป็นอนุสรณ์ว่า เขาเป็นนักโทษประหารคนสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2474 ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ศาลบุญเพ็ง หีบเหล็ก แต่กลับกลายเป็นศาลที่มีคนไปกราบไหว้บูชา เสี่ยงโชคเสี่ยงลาภ ได้เงินบุญมาทำนุบำรุงวัดอยู่มิใช่น้อย_ใครอยากจะไปย้อนรอยประวัติศาสตร์ และอยากจะไปทำบุญ ก็เชิญ วัดภาษี ตั้งอยู่ที่ ซอยเอกมัย23 แขวงคลองตันเหนือ กรุงเทพฯ
(หากต้องการดูพระทั้งหมดในร้าน กดหน้าแรก ด้านบนเลยนะครับ)
ราคาปัจจุบัน
โทรถาม
จำนวนผู้เข้าชม
3196 ครั้ง
สถานะ
บูชาแล้ว
โดย
รุ่งหลักร้อย
ชื่อร้าน
สมเด็จพุทธคุณ
URL
http://www.rung-lakroi.99wat.com
เบอร์โทรศัพท์
0993579545 0645179964
ID LINE
-
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ / 509-2-670xx-x
กำลังโหลดข้อมูล
หน้าแรกลงพระฟรี